Smart Commute Industrial มาตรฐานความปลอดภัยของอุปกรณ์เซฟตี้ และ PPE เรื่องสำคัญที่ห้ามมองข้ามเด็ดขาด

มาตรฐานความปลอดภัยของอุปกรณ์เซฟตี้ และ PPE เรื่องสำคัญที่ห้ามมองข้ามเด็ดขาด

ร้านขายอุปกรณ์เซฟตี้

อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปอย่างอุปกรณ์ PPE (Personal Protective Equipment) เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญและจำเป็นสำหรับผู้ปฏิบัติงานที่ต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีโอกาสสัมผัสกับปัจจัยที่อาจจะส่งเสียต่อสุขภาพร่างกายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และจำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องทำงานที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุในรูปแบบต่าง ๆ ทุกรูปแบบ โดยปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีร้านขายอุปกรณ์เซฟตี้ให้เลือกซื้อเลือกหาอุปกรณ์เซฟตี้ต่าง ๆ กันอย่างทั่วถึง ทั้งแบบที่มีหน้าร้าน หรือสินค้าจากร้านค้าออนไลน์ นอกจากความสะดวกแล้วสิ่งสำคัญคือต้องเลือกซื้ออุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยตามข้อมูลที่เราได้นำมาให้ทราบกันต่อด้านล่างนี้

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยของอุปกรณ์เซฟตี้

ทราบหรือไม่ว่าประเทศไทยของเรามีกฎหมายเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงานฉบับล่าสุด ที่ชื่อว่า “พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ปี พ.ศ.2554” โดยหนึ่งในข้อกำหนดตามมาตรากฎหมายของพระราชบัญญัตินี้ระบุไว้ว่า “นายจ้างจัดและดูแลให้ลูกจ้างสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลที่ได้มาตรฐานตามที่กำหนด” ซึ่งต่อมาในปีนั้นก็มีการประกาศกำหนด “มาตรฐานอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล” ตามออกมา โดยมาตรฐานที่เกี่ยวข้องมีมาตรฐานทั้งจากของไทยและมาตรฐานที่อ้างอิงมาจากต่างประเทศ ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 9 มาตรฐาน ประกอบด้วย

1. มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก. หรือ TIS)

2. มาตรฐานขององค์การมาตรฐานสากล (ISO)

3. มาตรฐานสถาบันมาตรฐานแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (ANSI)

4.มาตรฐานสถาบันความปลอดภัยและอนามัยในการทำงานแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NIOSH)

5. มาตรฐานสำนักงานบริหารความปลอดภัย และอาชีวอนามัยแห่งชาติ กรมแรงงาน สหรัฐอเมริกา (OSHA)

6. มาตรฐานสมาคมป้องกันอัคคีภัยแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NFPA)

7.มาตรฐานสหภาพยุโรป (EN หรือ CE)

8. มาตรฐานประเทศออสเตรเลีย และประเทศนิวซีแลนด์ (AS/NZS)

9.มาตรฐานอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (JIS)

ซึ่งมาตรฐานแต่ละมาตรฐานก็จะมีทั้งข้อกำหนดที่คล้ายกันหรือแตกต่างกันไปตามแต่ละประเภทงาน และประเภทอุปกรณ์ สำหรับผู้ที่มีหน้าที่ตรวจสอบการจัดหาอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล ตลอดจนดูแลให้ผู้ปฏิบัติงานสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันตลอดเวลาขณะปฏิบัติงาน จำเป็นจะต้องมีการศึกษาข้อมูลมาตรฐานเหล่านี้ให้ครบถ้วนละเอียดรอบด้าน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ที่เลือกมาใช้งานเป็นไปตามมาตรฐานที่เกี่ยวข้องและเพื่อความปลอดภัยของพนักงานอย่างสูงสุด

ส่วนในเรื่องของการเลือกซื้ออุปกรณ์ PPE จากร้านขายอุปกรณ์เซฟตี้ วันนี้เราก็มีเคล็ดลับดี ๆ มาบอกต่อสำหรับผู้ที่ต้องการอุปกรณ์ป้องกันเหล่านี้ไว้ใช้งาน แต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นเลือกอุปกรณ์อย่างไรดีให้มีคุณภาพมาฝากกัน

How to วิธีการเลือกซื้ออุปกรณ์ PPE จากร้านขายอุปกรณ์เซฟตี้อย่างไรให้ได้ของที่มีคุณภาพ

                1.ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ PPE ที่ต้องการอย่างละเอียด สำรวจความต้องการของตนเองว่าอยากได้อุปกรณ์ป้องกันในด้านใดบ้าง เนื่องจากอุปกรณ์ PPE มีหลากหลายให้ได้เลือกใช้งาน โดยแบ่งเป็นกลุ่มตามรูปแบบการป้องกัน เช่น อุปกรณ์ป้องกันใบหน้าและศีรษะ ดวงตา มือ เท้า ระบบหายใจ ระบบการได้ยิน หรืออุปกรณ์ปกป้องลำตัว เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละอุปกรณ์ก็มีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป

2.เมื่อทราบแล้วว่าต้องการอุปกรณ์ป้องกันประเภทใดบ้าง ก็ควรศึกษาถึงมาตรฐานของอุปกรณ์แต่ละประเภทว่าควรมีคุณสมบัติอย่างไร เพราะเมื่อถึงเวลาต้องเลือกอุปกรณ์ที่ร้าน นอกจากข้อมูลที่ทางผู้ขายบอกกล่าวให้ทราบแล้ว ตัวเราเองก็ควรมีความรู้พื้นฐานในเรื่องของอุปกรณ์ที่ต้องการมาด้วยในระดับหนึ่งเพื่อที่จะได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

3.เลือกซื้ออุปกรณ์ PPE จากร้านค้า หรือตัวแทนของบริษัทที่น่าเชื่อถือได้ มีมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ต่าง ๆ รับรอง และควรมีการรับประกันสินค้าด้วย นอกจากนี้ควรเลือกซื้ออุปกรณ์จากผู้ขาย ร้านค้า หรือบริษัทที่มีประสบการณ์ในเรื่องของอุปกรณ์ PPE มาอย่างยาวนาน สามารถแนะนำสินค้าและให้คำปรึกษากับเราได้อย่างมีความรู้ เพื่อให้เรามั่นใจได้ว่าจะสามารถใช้งานอุปกรณ์ได้อย่างถูกต้องตามความเหมาะสม

จะเห็นได้ว่าการให้คุณค่าและตระหนักถึงความสำคัญของอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลนั้นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานเป็นอย่างมาก และยิ่งไปกว่านั้นการใส่ใจในการหาข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ต้องการ และเลือกซื้ออุปกรณ์เหล่านั้นจากร้านขายอุปกรณ์เซฟตี้ที่ผ่านการคัดสรรมาแล้วเป็นอย่างดีว่าไว้ใจได้ในเรื่องของคุณภาพสินค้า คุ้มค่าคุ้มราคาก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายที่อยากปกป้องพนักงานจากอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการทำงานได้นั่นเอง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Related Post

ปั้มลมอุตสาหกรรม

ประเภทของปั้มลมอุตสาหกรรมที่ควรเลือกใช้ให้ถูกต้องประเภทของปั้มลมอุตสาหกรรมที่ควรเลือกใช้ให้ถูกต้อง

                ปั้มลมอุตสาหกรรมถือว่าเป็นอุปกรณ์ในโรงงานอุตสาหกรรมที่สำคัญอีกอันหนึ่ง เพราะเครื่องมือหรือเครื่องจักรภายในโรงงานนั้นจำเป็นจะต้องใช้ลมอัดเข้าไปเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งปั๊มลมนั้นมีหลากหลายชนิด มีทั้งรูปร่างขนาดและประเภทแตกต่างกันออกไปตามการใช้งานในแต่ละพื้นที่ หากเลือกใช้ผิดประเภทก็อาจจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดีได้ ดังนั้นวันนี้เรามาทำความรู้จักประเภทของปั๊มลมเพื่อให้สามารถเลือกใช้งานได้อย่างถูกต้อง รู้จักประเภทของปั้มลมอุตสาหกรรมเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างถูกต้อง                 ปั๊มลมแต่ละชนิดมีการทำงานที่แตกต่างกันออกไปซึ่งก็จะแล้วแต่ลักษณะของงาน ว่าต้องการกำลังลมมากน้อยแค่ไหนและลักษณะของพื้นที่ที่ใช้ว่าต้องการความเงียบหรือจำเป็นต้องใช้เครื่องปั๊มลมที่ใช้เสียงเบาเท่าใด โดยเราสามารถแยกประเภทได้ 6 ประเภทดังนี้ ปั๊มลมแบบใบพัดหมุน หรือเครื่องอัดอากาศ (Roots Air Compressor) เป็นปั๊มลมที่มีต้นทุนในการผลิตค่อนข้างสูง ซึ่งจะมีลักษณะเป็นใบพัดหมุนสองตัว ไม่มีลิ้น อากาศจะได้มาจากการหมุนของโรเตอร์สองตัวโดยดูดจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่งในปริมาตรที่คงเดิม โดยโรเตอร์จะหมุนไปในทิศทางที่ตรงข้ามกันทำให้อากาศไม่ถูกบีบรัดตัว อากาศจะถูกอัดตัวหลังจากถูกส่งไปที่ถังเก็บลม ปั๊มลมแบบไดอะแฟรม หรือเครื่องอัดลม (Diaphragm Air Compressor)

เครื่องควบคุมอุณหภูมิและความชื้น

เครื่องควบคุมอุณหภูมิและความชื้น คืออะไร สำคัญอย่างไรเครื่องควบคุมอุณหภูมิและความชื้น คืออะไร สำคัญอย่างไร

ในโรงงานอุตสาหกรรม หรือห้างสรรพสินค้า อาคารใหญ่ๆ ที่ต้องการรู้ผลว่าความชื้นเป็นอย่างไร สภาพอากาศเป็นอย่างไร สิ่งที่จะทำให้รู้ได้ก็คือการติดตั้ง เครื่องควบคุมอุณหภูมิและความชื้น เข้าไป จะทำให้เราทราบรายละเอียดได้ทั้งหมด แลละสามารถทำการควบคุมอุณหภูมิให้เป็นไปอย่างที่ต้องการ และมีความแม่นยำ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอย่างเช่นการทำอาหารและยา เรื่องของอุณหภูมิและความชื้น มีความจำเป็นมากที่สุดทีเดียว ดังนั้นเราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องควบคุมอุณหภูมิและความชื้นให้มากขั้น เผื่อท่านใดที่สนใจอยากจะเอามาใช้ในอุตสาหกรรมของตัวเองบ้าง แม้จะเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็กก็ตาม ประเภทของลักษณะการควบคุมการทำงาน ในกระบวนการควบคุมการทำงานของระบบนั้น มีด้วยกันหลายวิธี แต่วิธีที่นิยมใช้กันจะมีอยู่ 3 แบบดังนี้คือ 1. แบบ On/Off เป็นการกำหนดค่าคงที่เอาไว้ แล้วให้ระบบทำงานตามนั้น หากการทำงานของระบบมาอยู่ตรงกับค่าที่กำหนด ก็จะทำให้ระบบเปิดหรือปิดทันที

ร้านขายถังดับเพลิง

เตรียมไว้อุ่นใจกว่ากับตัวเลือกร้านขายถังดับเพลิงของบริษัทคุณเตรียมไว้อุ่นใจกว่ากับตัวเลือกร้านขายถังดับเพลิงของบริษัทคุณ

                ร้านขายถังดับเพลิงคือผู้ช่วยคนสำคัญที่จะช่วยป้องกันอัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ ด้วยเพราะอัคคีภัยเป็นเหตุที่ไม่อาจคาดเดาได้ ทางที่ดีที่สุดก็คือการป้องกันไว้ก่อนเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายที่ยากจะควบคุม นั่นคือเหตุผลที่ทุก ๆ บริษัทหรือองค์กรต่าง ๆ จะต้องมีการวางแผนการเพื่อเตรียมรับมือกับปัญหาและความเสียหายจากอัคคีภัยเอาไว้ ซึ่งทางเลือกที่ดีคือการค้นหาและเลือกร้านตัวแทนจำหน่ายถังดับเพลิงที่มีความเป็นมืออาชีพ ที่จะช่วยให้แผนการป้องกันอัคคีภัยของบริษัทเป็นแผนที่อุ่นใจได้มากกว่าเดิม ร้านขายถังดับเพลิงที่ดีและวางใจได้ต้องเลือกอย่างไร ความเชี่ยวชาญในเหตุอัคคีภัย ถือเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับร้านขายถังดับเพลิงที่จะต้องมีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการป้องกันเหตุอัคคีภัย เพราะในฐานะที่เป็นผู้ที่จำหน่ายอุปกรณ์สำหรับดับเพลิงแล้ว การที่จะสามารถช่วยบริษัทในการวางแผนและวิเคราะห์เพื่อหาจุดที่ควรจะติดตั้งถังดับเพลิงที่เหมาะสมและจะช่วยป้องกันเหตุเพลิงไหม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพถือเป็นเรื่องสำคัญ แน่นอนว่าบริษัทของเราคงไม่อาจมีความเชี่ยวชาญได้เท่ากับร้านที่จำหน่ายถังดับเพลิง เพราะฉะนั้นการเลือกร้านที่จะสามารถให้คำแนะนำแก่เราได้จึงเป็นหลักสำคัญข้อแรก ๆ ที่เราควรพิจารณา อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานและการรับประกัน แน่นอนว่าเรื่องของอุปกรณ์ดับเพลิงที่ได้มาตรฐานก็คืออีกเรื่องหลักสำคัญที่บริษัทของเราไม่อาจมองข้ามได้ ถ้าหากอยากจะเลือกซื้อถังดับเพลิงไปติดตั้งเอาไว้ที่สำนักงาน ร้านขายถังดับเพลิงที่ดีย่อมที่จะเสนออุปกรณ์ที่ดีและได้รับมาตรฐานในระดับสากลให้แก่เรา และด้วยเพราะถังดับเพลิงคืออุปกรณ์สำหรับระวังภัยการรับประกันการใช้งานถือเป็นอีกเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญด้วย ข้อเสนอราคาที่เหมาะสม โดนใจ สำหรับบริษัทและสำนักงาน ถึงแม้ว่าจะต้องพิจารณายกเอาเรื่องของมาตรฐานและคุณภาพให้มาเป็นอันดับหนึ่ง แต่ในทางปฏิบัติแล้วเราไม่สามารถที่จะมองข้ามเรื่องของราคาที่เป็นค่าใช้จ่ายได้เลย