Smart Commute Industrial ประเภทของปั้มลมอุตสาหกรรมที่ควรเลือกใช้ให้ถูกต้อง

ประเภทของปั้มลมอุตสาหกรรมที่ควรเลือกใช้ให้ถูกต้อง

ปั้มลมอุตสาหกรรม

                ปั้มลมอุตสาหกรรมถือว่าเป็นอุปกรณ์ในโรงงานอุตสาหกรรมที่สำคัญอีกอันหนึ่ง เพราะเครื่องมือหรือเครื่องจักรภายในโรงงานนั้นจำเป็นจะต้องใช้ลมอัดเข้าไปเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งปั๊มลมนั้นมีหลากหลายชนิด มีทั้งรูปร่างขนาดและประเภทแตกต่างกันออกไปตามการใช้งานในแต่ละพื้นที่ หากเลือกใช้ผิดประเภทก็อาจจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดีได้ ดังนั้นวันนี้เรามาทำความรู้จักประเภทของปั๊มลมเพื่อให้สามารถเลือกใช้งานได้อย่างถูกต้อง

รู้จักประเภทของปั้มลมอุตสาหกรรมเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างถูกต้อง

                ปั๊มลมแต่ละชนิดมีการทำงานที่แตกต่างกันออกไปซึ่งก็จะแล้วแต่ลักษณะของงาน ว่าต้องการกำลังลมมากน้อยแค่ไหนและลักษณะของพื้นที่ที่ใช้ว่าต้องการความเงียบหรือจำเป็นต้องใช้เครื่องปั๊มลมที่ใช้เสียงเบาเท่าใด โดยเราสามารถแยกประเภทได้ 6 ประเภทดังนี้

  1. ปั๊มลมแบบใบพัดหมุน หรือเครื่องอัดอากาศ (Roots Air Compressor) เป็นปั๊มลมที่มีต้นทุนในการผลิตค่อนข้างสูง ซึ่งจะมีลักษณะเป็นใบพัดหมุนสองตัว ไม่มีลิ้น อากาศจะได้มาจากการหมุนของโรเตอร์สองตัวโดยดูดจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่งในปริมาตรที่คงเดิม โดยโรเตอร์จะหมุนไปในทิศทางที่ตรงข้ามกันทำให้อากาศไม่ถูกบีบรัดตัว อากาศจะถูกอัดตัวหลังจากถูกส่งไปที่ถังเก็บลม
  2. ปั๊มลมแบบไดอะแฟรม หรือเครื่องอัดลม (Diaphragm Air Compressor) เป็นปั๊มลมที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและยา หรืออุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์น้ำ เพราะเป็นลมที่มีความสะอาด ปลอดภัยและเงียบ โดยลักษณะการทำงานใช้ตัวไดอะเฟรม ที่จะช่วยให้ลิ้นที่ดูดอากาศเข้าและลิ้นที่ส่งอากาศออกสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องสัมผัสกับส่วนที่เป็นโลหะ ทำให้ลมที่ได้จะไม่ผสมกับน้ำมันหล่อลื่น
  3. ปั๊มลมแบบกังหัน (Radial and Axial Flow Air Compressor) เป็นปั๊มลมที่เหมาะกับงานที่ต้องใช้ลมปริมาณมาก เพราะมีความสามารถในการจ่ายลมได้มากโดยใช้หลักการของกังหัน โดยใบพัดจะดูดอากาศอีกด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่งด้วยความเร็วสูง ปั๊มชนิดนี้ผลิตลมได้มากถึง 170-2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อนาที
  4. ปั๊มลมแบบลูกสูบ หรือเครื่องอัดลม (Piston Air Compressor) เรียกได้ว่าเป็นเครื่องอัดลมที่ได้รับความนิยมมากเลยทีเดียวเพราะสามารถผลิตลมได้เร็วและสามารถสร้างแรงดันของลมได้ตั้งแต่ความดันสูง ความดันปานกลาง และความดันต่ำโดยสร้างลมอัดตั้งแต่ 1 – 1,000 บาร์
  5. ปั๊มลมแบบใบพัดเลื่อน หรือเครื่องอัดลม (Sliding Vane Rotary Air Compressor) มีความแตกต่างจากปั๊มลงชนิดอื่นก็คือความสม่ำเสมอในการหมุนมีความราบเรียบและสามารถปล่อยอากาศได้คงที่ ผลิตความดันได้ 1-10 บาร์ และสามารถผลิตล้มได้ 4-100 ลูกบาศก์เมตรต่อนาที ซึ่งข้อดีของปั๊มชนิดนี้คือมีเสียงที่เงียบ
  6. ปั๊มลมแบบสกรู หรือเครื่องอัดลม (Screw Air Compressor) เป็นปั้มลมอุตสาหกรรมที่มีการไหลของแรงลมราบเรียบกว่าปั๊มลมชนิดลูกสูบ จำเป็นต้องมีการระบายความร้อนเป็นอย่างดี โดยมีระบบระบายความร้อนด้วยน้ำและอากาศ มันจะเป็นปั๊มที่นิยมใช้ในโรงพิมพ์และโรงงาน สามารถผลิตแรงดันได้มากกว่า 10 บาร์ และจ่ายลมได้มากถึง 170 ลูกบาศก์เมตรต่อนาที

นี่ก็เป็นปั้มลมอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ ที่มีการใช้ในปัจจุบัน ซึ่งก็จะมีระบบการทำงาน วิธีใช้และมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ซึ่งเราจำเป็นจะต้องเลือกใช้กับงานให้ถูกประเภท เพื่อให้สามารถได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Related Post

เครื่องควบคุมอุณหภูมิและความชื้น

เครื่องควบคุมอุณหภูมิและความชื้น คืออะไร สำคัญอย่างไรเครื่องควบคุมอุณหภูมิและความชื้น คืออะไร สำคัญอย่างไร

ในโรงงานอุตสาหกรรม หรือห้างสรรพสินค้า อาคารใหญ่ๆ ที่ต้องการรู้ผลว่าความชื้นเป็นอย่างไร สภาพอากาศเป็นอย่างไร สิ่งที่จะทำให้รู้ได้ก็คือการติดตั้ง เครื่องควบคุมอุณหภูมิและความชื้น เข้าไป จะทำให้เราทราบรายละเอียดได้ทั้งหมด แลละสามารถทำการควบคุมอุณหภูมิให้เป็นไปอย่างที่ต้องการ และมีความแม่นยำ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอย่างเช่นการทำอาหารและยา เรื่องของอุณหภูมิและความชื้น มีความจำเป็นมากที่สุดทีเดียว ดังนั้นเราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องควบคุมอุณหภูมิและความชื้นให้มากขั้น เผื่อท่านใดที่สนใจอยากจะเอามาใช้ในอุตสาหกรรมของตัวเองบ้าง แม้จะเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็กก็ตาม ประเภทของลักษณะการควบคุมการทำงาน ในกระบวนการควบคุมการทำงานของระบบนั้น มีด้วยกันหลายวิธี แต่วิธีที่นิยมใช้กันจะมีอยู่ 3 แบบดังนี้คือ 1. แบบ On/Off เป็นการกำหนดค่าคงที่เอาไว้ แล้วให้ระบบทำงานตามนั้น หากการทำงานของระบบมาอยู่ตรงกับค่าที่กำหนด ก็จะทำให้ระบบเปิดหรือปิดทันที

ร้านขายอุปกรณ์เซฟตี้

มาตรฐานความปลอดภัยของอุปกรณ์เซฟตี้ และ PPE เรื่องสำคัญที่ห้ามมองข้ามเด็ดขาดมาตรฐานความปลอดภัยของอุปกรณ์เซฟตี้ และ PPE เรื่องสำคัญที่ห้ามมองข้ามเด็ดขาด

อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปอย่างอุปกรณ์ PPE (Personal Protective Equipment) เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญและจำเป็นสำหรับผู้ปฏิบัติงานที่ต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีโอกาสสัมผัสกับปัจจัยที่อาจจะส่งเสียต่อสุขภาพร่างกายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และจำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องทำงานที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุในรูปแบบต่าง ๆ ทุกรูปแบบ โดยปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีร้านขายอุปกรณ์เซฟตี้ให้เลือกซื้อเลือกหาอุปกรณ์เซฟตี้ต่าง ๆ กันอย่างทั่วถึง ทั้งแบบที่มีหน้าร้าน หรือสินค้าจากร้านค้าออนไลน์ นอกจากความสะดวกแล้วสิ่งสำคัญคือต้องเลือกซื้ออุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยตามข้อมูลที่เราได้นำมาให้ทราบกันต่อด้านล่างนี้ เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยของอุปกรณ์เซฟตี้ ทราบหรือไม่ว่าประเทศไทยของเรามีกฎหมายเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงานฉบับล่าสุด ที่ชื่อว่า “พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ปี พ.ศ.2554” โดยหนึ่งในข้อกำหนดตามมาตรากฎหมายของพระราชบัญญัตินี้ระบุไว้ว่า “นายจ้างจัดและดูแลให้ลูกจ้างสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลที่ได้มาตรฐานตามที่กำหนด” ซึ่งต่อมาในปีนั้นก็มีการประกาศกำหนด “มาตรฐานอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล” ตามออกมา โดยมาตรฐานที่เกี่ยวข้องมีมาตรฐานทั้งจากของไทยและมาตรฐานที่อ้างอิงมาจากต่างประเทศ ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด

อุปกรณ์โรงงานอุตสาหกรรม มือสอง

อุปกรณ์โรงงานอุตสาหกรรม มือสอง ตัวเลือกที่ใช่สำหรับผู้ประกอบการอุปกรณ์โรงงานอุตสาหกรรม มือสอง ตัวเลือกที่ใช่สำหรับผู้ประกอบการ

                ทางเลือกในการอุปกรณ์โรงงานอุตสาหกรรม มือสอง เป็นการตัดสินใจทางธุรกิจที่ชาญฉลาด ด้วยเพราะว่าการเลือกใช้อุปกรณ์มือสองสำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไม่ว่าจะด้านไหน ๆ อย่างการผลิต ขนส่ง หรือบรรจุภัณฑ์ก็ตาม การตัดสินใจนี้จะช่วยลดต้นทุนซึ่งเป็นปัจจัยหลักสำคัญในการดำเนินกิจการให้ประสบความสำเร็จ สำหรับผู้ประกอบการที่อยู่ในระหว่างการตัดสินใจว่าจะเลือกอย่างไรดี ต้องมาดูประโยชน์ดี ๆ ที่ได้จากการเลือกใช้อุปกรณ์โรงงานมือสองทางนี้ก่อน แล้วจะรู้ว่าทำไมถึงเป็นตัวเลือกที่ใช่จริง ๆ           อุปกรณ์โรงงานอุตสาหกรรม มือสองทางเลือกใหม่ที่ช่วยประหยัดต้นทุน ลดต้นทุนอย่างเห็นผล อาจกล่าวได้ว่าต้นทุนนั้นคือหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจก็ไม่ผิดนัก เพราะถ้าเราสามารถที่จะบริหารจัดการต้นทุนหรือการลงทุนไปกับการดำเนินกิจการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็เท่ากับว่าธุรกิจสำเร็จไปครึ่งหนึ่งได้แล้ว ซึ่งการเลือกใช้อุปกรณ์โรงงานอุตสาหกรรม มือสองนั้น คือสิ่งที่จะช่วยให้ธุรกิจของเราสามารถลดต้นทุนไปได้เยอะมาก ๆ และเห็นผลได้ในทันที สร้างกำไรได้มากกว่า พอหลังจากที่เราสามารถลดต้นทุนของธุรกิจลงได้แล้ว